ความรู้ทั่วไป
เกี่ยวกับอาหารพืชทุกชนิด

ธาตุอาหารพืชมี 16 ชนิด
ได้จากธรรมชาติ มี 3 ชนิด คือ คาร์บอน ไฮโดรเจน และอ๊อกซิเจน
ธาตุอาหารหลัก มี 3 ชนิด คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปรแตสเซียม
ธาตุอาหารรอง มี 3 ชนิด คือ แคลเซียม แมกนีเซียม กำมะถัน
จุลธาตุ มี 8 ชนิด คือ สังกะสี เหล็ก ทองแดง แมงกานีส โบรอน คลอรีน นิเกิล โบลิบดินัม

ธาตุอาหารสำหรับพืช หมายถึง ธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของพืช ซึ่งสามารถถูกจัดได้จากเกณฑ์คือ ถ้าเกิดพืชขาดสารอาหารนี้แล้ว ทำให้พืชไม่สามารถวงจรชีวิตได้ตามปกติ หรือ สารนั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของพืชหรือส่วนประกอบของสารตัวกลางในกระบวนการสร้างและสลาย

สารอาหารแต่ละชนิดของพืช พืชต้องการในปริมาณที่พอเหมาะหากน้อยไปจะแสดงอาการขาดสารอาหาร หรือ หากได้รับมากเกินไปก็จะเป็นพิษกับพืชได้

พืชสามารถรับสารอาหารที่จำเป็นได้จากดินโดยผ่านทางราก และได้จากอากาศ
(ส่วนใหญ่คือ คาร์บอน ไฮโดรเจน และ ออกซิเจน) โดยผ่านทางใบ

หน้าที่ของธาตุอาหารพืช

ไนโตรเจน มีหน้าที่เป็นส่วนประกอบของโปรตีนช่วยให้พืชมีสีเขียว เร่งการเจริญเติบโต
ทางใบหากพืชขาดธาตุนี้จะแสดงออกอาการใบเหลือง ใบมีขนาดเล็กลง ลำต้นแคราะเกร็นและให้ผลผลิตต่ำ

ฟอสฟอรัส มีหน้าที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของรากควบคุมการออกดอกออกผลและการสร้างเมล็ด ถ้าพืชขาดธาตุนี้ระบบรากจะไม่เจริญเติบโต ใบแก่จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงแล้วกลายเป็นสีน้ำตาลและหลุดร่วง ลำต้นแกร็น ไม่ผลิตดอก ออกผล

โปรแทสเซียม เป็นธาตุที่ช่วยในการสังเคราะห์น้ำตาล แป้ง และโปรตีน ส่งเสริมการเคลื่อนย้ายน้ำตาลจากใบสู่ผล ช่วยให้เติบโตเร็วและมีคุณภาพดี ช่วยให้พืชแข็งแรง ต้านทานต่อโรคและแมลงบางชนิดถ้าขาดธาตุนี้พืชจะไม่แข็งแรง ลำต้นอ่อนแอผลผลิตไม่เติบโต มีคุณภาพต่ำ สีไม่สวย รสชาติไม่ดี

แคลเซียม เป็นองค์ประกอบที่ช่วยในการแบ่งเซลล์ การผสมเกสร การงอกของเมล็ด พืชขาดธาตุนี้ใบที่ไม่เจริญใหม่จะหงิกงอ ตายยอดไม่เจริญอาจมีจุดดำที่เส้นใบรากสั้นผลแตกและมีคุณภาพไม่ดี

แมกนีเซียม เป็นองค์ประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ช่วยสังเคราะห์ กรดอะมิโน วิตามิน ไขมัน และน้ำตาล ทำให้สภาพกรดด่างในเซลล์พอเหมาะและช่วยในการงอกของเมล็ด ถ้าขาดธาตุนี้ใบแก่จะเหลืองยกเว้นเส้นใบ และใบจะร่วงหล่นเร็ว

กำมะถัน เป็นองค์ประกอบสำคัญของกรดอะมิโน โปรตีนและวิตามิน ถ้าขาดธาตุนี้ทั้งใบบนและใบล่างและมีสีเหลืองซีดต้นอ่อนแอ

โบรอน ช่วยในการออกดอกและผสมเกสร มีบทบาทสำคัญในการติดผลและการเคลื่อนย้ายน้ำตาลสู่ผลการเคลื่อนย้ายของฮอร์โมน การใช้ประโยชน์จากไนโตรเจนและการแบ่งเซลล์ ถ้าพืชขาดธาตุนี้ ตา ยอดจะตายและเริ่มมีตาข้างแต่ตาข้างก็จะตายอีก ลำต้นไม่ค่อยยืดตัว กิ่งและใบจึงชิดกัน ใบเล็กหนา โค้งและเปราะ

ทองแดง ช่วยในการสังเคราะห์คลอโรฟิล การหายใจ การใช้โปรตีนและแป้งกระตุ้นการทำงานของเอ็นไชม์บางชนิด ถ้าพืชขาดธาตุนี้ ตายอดจะชะงักการเจริญเติบโตและกลายเป็นสีดำ ใบอ่อนเหลือง และพืชทั้งต้นจะชะงักการเติบโต
คลอรีน มีบทบาทบางประการเกี่ยวกับฮอร์โมนในพืช ถ้าขาดธาตุนี้พืชจะเหี่ยวง่าย ใบสีซีดและบางส่วนจะแห้งตาย

เหล็ก ช่วยในการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ มีบทบาทสำคัญ ในการสังเคราะห์แสงและหายใจ ถ้าขาดธาตุนี้ใบอ่อนจะมีสีขาวซีด ในขณะที่ใบแก่ยังเขียวสด

แมงกานีส ช่วยในการสังเคราะห์แสงและการทำงานของเอนไซม์บางชนิด ถ้าขาดธาตุนี้ใบอ่อนจะมีสีเหลืองในขณะที่เส้นใบยังเขียว ต่อมาใบที่มีอาการดังกล่าวจะเหี่ยวแล้วร่วงหล่น

โมลิบดินัม ช่วยให้พืชใช้ไนโตรเจนให้เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องการสังเคราะห์โปรตีน ถ้าขาดธาตุนี้พืชจะมีอาการคล้ายขาดไนโตรเจน ใบมีลักษณะโค้งคล้ายถ้วยปรากฎจุดเหลืองๆตามแผ่นใบ

สังกะสี ช่วยในการสังเคราะห์ฮอร์โมนออกซิเจน คลอโรฟิลล์ และแป้ง ถ้าขาดธาตุนี้ใบ อ่อนจะมีสีเหลืองซีดและปรากฎสีขาวๆ ประปรายตามแผ่นใบ โดยเส้นใบยังเขียวรากสั้นไม่เจริญตามปกติ

เมื่อมีการปลูกพืชลงบนดิน ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงปริมาณของธาตุอาหารต่างๆที่มีอยู่ในดินเนื่องจากในขณะที่มีการเจริญเติบโต พืชจะดูดซึมสารอาหารในดินไปใช้ และเก็บสะสมไว้ในส่วนต่างๆ ได้แก่ ใบ ลำต้น ดอก ผล จนถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตและนำออกจากพื้นที่ธาตุอาหารที่สะสมอยู่เหล่านั้นยอมถูกนำออกไปจากพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ธาตุอาหารบางส่วนยังเกิดการสูญหายไปในรูปก๊าช ถูกดินหรือสารประกอบในดินจับยึดไว้บางส่วนถูกชะล้างออกไปจากบริเวณรากพืช หรือสูญเสียไปกับการชะล้างพังทลายของดิน


ดังนั้นการเพาะปลูกพืชติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน โดยไม่มีการเติมสารอาหารลงไปในดินย่อมทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลง และในที่สุดดินจะกลายเป็นดินเหลวปลูกพืชไม่เจริญเติบโตอีกต่อไปในการปลูกพืชจึง ต้องมีการใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงดินช่วยเพิ่มธาตุอาหารพืชและคงระดับความอุดมสมบูรณ์ของ ดินอยู่เสมอ#คลีนิคดิน #ดินดีปลูกอะไรก็ดี โทร. 0632919899
Callcenter 0632759111

สาระความรู้

Comments are disabled.